ถึงเวลาสำหรับข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความกลัว: ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียกำลังทำหน้าที่ของตน

เป็นครั้งแรกที่ฉันตัดสินใจสวมหน้ากากอนามัยขณะออกไปเดินเล่นกับสุนัข ขณะที่ฉันกำลังรอข้ามถนนเทิร์ดอเวนิวในนิวยอร์กซิตี้ มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับตะโกนด่าทอ ฉันรีบอุ้มสุนัขและวิ่งเข้าไปในโรงรถทันที สิ่งที่เขาพูดกับฉันตอนนี้เลือนลางไป แต่ข้อความนั้นชัดเจน: กลับไปจีน ซะ แม้ว่าฉันจะเป็นชาวนิวยอร์กมาตลอดชีวิต แต่ฉันก็ยังรู้สึกหวาดกลัว

ตั้งแต่นั้นมา เราได้เห็นพาดหัวข่าวมากมายเกี่ยวกับชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่ตกเป็นเหยื่อของการกระทำที่เลวร้ายยิ่งกว่าการล่วงละเมิดทางวาจาที่ฉันประสบมา และชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียก็กระตุ้นให้เกิดการตระหนักรู้ องค์กรชุมชนระดับรากหญ้ากำลังสร้างการรับรู้ ผู้มีอิทธิพลในชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียกำลังจัดแคมเปญบนโซเชียลมีเดีย เช่น #washthehate และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้งจากชุมชนที่มีสีผิวทุกกลุ่มกำลังประณามการเลือกปฏิบัติต่อชาวเอเชีย ความกระตือรือร้นและความเป็นผู้นำของชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่กล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ทำให้ฉันภูมิใจ เราไม่ใช่ชุมชนที่จะนั่งเฉย ๆ และหลับตา แต่เป็นชุมชนที่มีเสียงที่ได้ยิน 

นี่เป็นหัวข้อที่กลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักรอบตัวฉัน ไม่ว่าจะเป็นกับลูกสาว (ที่พาสุนัขของเราเดินเล่นด้วยเป็นครั้งคราว) กับเพื่อนๆ กับกลุ่มทรัพยากรพนักงานชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และกับสมาชิกสภาที่ปรึกษาภายนอกชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียสำหรับ Nielsen เราทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการเหยียดเชื้อชาติเป็นสิ่งที่ผิด แต่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียก็มีความแตกต่างกันในวิธี ที่ควร ตอบสนองต่อการกระทำที่แสดงความเกลียดชังเหล่านี้ สำหรับชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียบางคน ความพยายามที่ทำให้ฉันภูมิใจในชุมชนของเราถือเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นการระบาดใหญ่ แอนดรูว์ หยาง แสดงจุดยืนของเขาในบทบรรณาธิการ ของวอชิงตันโพสต์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน โดยเขาเสนอว่าชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียควรต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติโดยแสดง "ความเป็นอเมริกัน" ของเราให้มากขึ้น แน่นอนว่าเกิดกระแสทวิตเตอร์ที่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียปฏิเสธข้อความของเขา โดยนัยว่าภาระหน้าที่ตกอยู่ที่เราในการพิสูจน์ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้ 

นี่คือจุดที่ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนจากการคิดแบบใช้ความรู้สึกไปเป็นการใช้ตรรกะที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล สำหรับฉันแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเราแต่เกี่ยวกับอคติที่มีอยู่ในสังคมของเรา และหากอคติมีรากฐานมาจากความไม่รู้ เราก็สามารถต่อสู้กับความไม่รู้ได้ด้วยข้อมูลที่ผู้คนสามารถเข้าใจได้ ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียไม่ใช่ชาวต่างชาติ พวกเขาเป็นส่วนสำคัญของประเทศอันยิ่งใหญ่นี้อย่างไม่ต้องสงสัย 

ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียอยู่แนวหน้าในการต่อสู้กับ COVID-19 โดยเสี่ยงชีวิตของตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แพทย์ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่เกือบ 1 ใน 5 คนในประเทศนี้เป็นคนเอเชีย(1) และชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียมีโอกาสทำงานในสาขาการแพทย์หรือสุขภาพมากกว่าประชากรทั้งหมดถึง 39%(2) เป็นไปได้มากทีเดียวว่าหากชายผู้คุกคามฉันลงเอยที่โรงพยาบาลในนิวยอร์กซิตี้ เขาจะได้รับการดูแลจากคนที่มีลักษณะเหมือนฉัน โดยรักษาเขาโดยไม่เลือกปฏิบัติ

ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ดำเนินการเพื่อต่อต้านการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดแล้ว ครัวเรือนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียมีแนวโน้มที่จะมีกลุ่มคนหลายรุ่นมากกว่าครัวเรือนอื่นๆ ถึง 40% โดยมีผู้สูงอายุอยู่ในครัวเรือน(3) ซึ่งมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษที่จะป่วยหนักเนื่องจาก COVID-19 ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความรุนแรงของไวรัสจากสำนักข่าวต่างๆ ในเอเชีย จึงเริ่มซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ในอัตราที่สูงกว่าประชากรทั้งหมดถึง 3 เท่า ตามข้อมูลของ Nielsen นอกจากนี้ยังเป็นความจริงอีกด้วยที่ผู้ป่วยในเอเชียมักใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อแสดงมารยาทในการไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น 

ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียไม่เพียงแต่เป็นผู้บริโภคและผู้เสียภาษีที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นนายจ้างให้กับคนงานมากกว่า 5 ล้านคนในประเทศนี้ด้วย(4) เช่นเดียวกับนายคิม เจ้าของร้านทำเล็บที่ฉันมักไปบ่อยๆ และพี่น้องสองคนที่เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยฝั่งตรงข้าม มีธุรกิจที่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเป็นเจ้าของ 2 ล้านแห่งที่ให้บริการในย่านต่างๆ ทั่วประเทศ โดย 42% ของธุรกิจเหล่านี้อยู่ในอุตสาหกรรม 'ที่พักและบริการอาหาร' และ 'การค้าปลีก' เทียบกับเพียง 21% ของธุรกิจทั้งหมด(5) ธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียได้รับผลกระทบอย่างหนัก นอกจากนี้ รายได้ของธุรกิจในไชนาทาวน์ทั่วประเทศเริ่มมีแนวโน้มลดลงในเดือนมกราคม เนื่องจากลูกค้ากลัวว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียกกันในตอนแรกว่า "ไวรัสจีน" แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นครั้งแรก นครนิวยอร์กก็ได้เปิดตัวแคมเปญ Show Some Love for Chinatown เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เผชิญกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่มีมูลความจริง

เรากำลังอยู่ในภาวะสงครามกับโรคระบาดร้ายแรง และชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียก็ทำหน้าที่ของตนเองและยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนอื่นๆ ในช่วงเวลาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ ฉันได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความเป็นมนุษย์ร่วมกันของเรา การต้องอยู่โดดเดี่ยวทำให้ฉันรู้สึกว่ามีความเชื่อมโยงกับโลกภายนอกมากยิ่งกว่าที่เคย ไม่ควรมีการยอมรับการเลือกปฏิบัติต่อชุมชนของเรา เพราะการชนะสงครามครั้งนี้ขึ้นอยู่กับพวกเราแต่ละคนที่ลงมือปกป้องผู้อื่น